ช่วงเวลาเก็บเกี่ยวคงเป็นเวลาโปรดของนักปลูกทุกคน
เพราะมันเป็นเวลาของการได้ชื่นชมผลงาน
และรางวัลตอบแทน จากการปลูกจนจบดอก ที่ต้องใช้ความใส่ใจ ดูแล
.
แต่ทว่าช่วงเวลาทริมน่าจะเป็นช่วงเวลาสุดเซ็งสำหรับทุกคน
ทั้งเสียเวลา ทั้งน่าเบื่อ ทั้งปวดหลังปวดตะคริวกินมือ
.
ช่วงสุดท้ายของการทริมนี้ จึงถือเป็นช่วงสำคัญ
เพราะหากทริมแล้วเสียไตรโคมจำนวนมาก น้ำหนักดอกน้อย
สิ่งที่ทำมาทั้งหมดก็สูญเปล่า!!
.
หลายคนคงเคยคิดว่า เอ!!
แล้วทริมสดกับทริมแห้ง แบบไหนดีกว่า??
.
เรามาลองเปรียบเทียบกันดูก่อนนะคะ
.
ทริมสด Wet Trim
ทริมสดเป็นการตัดแต่ง ทริมใบทันทีหลังการเก็บเกี่ยว ในขณะที่ต้นยังคงสดและชุ่มชื้น
การทริมสามารถตัดเผื่อได้เล็กน้อย เนื่องจากเมื่อเรานำช่อดอกที่ทริมไปตากแห้งแล้ว พวกเนื้อใบจะหดลงไปอีกเล็กน้อย พอดีกับช่อดอก ทำให้ทริมง่ายและได้น้ำหนักดอกเยอะกว่า
การทริมสดจะตัดเอาใบส่วนเกินออกตั้งแต่แรก จึงลดจุดหมักหมมที่อาจทำให้เกิดเชื้อราได้
.
ข้อดีของการทริมสด
- ไตรโคมสมบูรณ์และน้ำหนักดอกเยอะกว่า
- ไตรโคมคงสภาพเดิมมากกว่า (เทอร์ปีน) กลิ่นและรสชาติ หลังบ่มดีกว่า
- ดอกใหญ่ ดอกฟูสวยกว่า (เพราะการทริมแห้งทำให้ดอกแตกหรือป่นได้ง่าย)
- การตัดแต่งง่ายกว่า = ประหยัดเวลาในการทริมมากกว่า
- การตัดเอาใบซึ่งมีความชื้นออกก่อนตาก ทำให้ช่อดอกแห้งเร็วกว่า
- การตัดเอาใบออก ช่วยลดความชื้นและทำให้ไม่มีเชื้อราในช่อดอก
- ใช้พื้นที่ในการตากน้อยกว่า ใช้แค่ชั้นตากดอกก็เอาอยู่
.
ข้อเสียของการทริมสด
- การทริมสด จะค่อนข้างเหนียวเหนอะหนะ ซึ่งหากไม่ใส่ใจ การจับช่อดอกระหว่างการทริมสด อาจทำให้ไตรโคมเสียหายและสูญเสียเทอร์ปีนได้ง่าย
- การตัดเหลือแต่ช่อดอกจากการทริมสด หากกระบวนการตากแห้งไม่เหมาะสม อาจทำให้เกิดจุดกดทับ ที่ทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย
- การตากช่อดอกบนชั้นตากที่มีการไหลเวียนอากาศไม่ดีพอ ก็สามารถทำให้เกิดเชื้อราได้อีกเช่นกัน
- การตัดเหลือเพียงช่อดอกอาจทำให้ดอกแห้งเร็วเกินไปสำหรับห้องตากที่อุณหภูมิและความชื้นไม่เหมาะสม ซึ่งอาจทำให้สารในช่อดอกเกิดการ Degrade ได้ง่าย
- ใช้แรงงานเยอะ เนื่องจากการทริมสดจะมีเวลาสั้นๆหลังเก็บเกี่ยวเท่านั้น จึงต้องรีบเร่งในการทริม
.
ทริมแห้ง Dry Trim
เป็นการตัดเอาทั้งต้น แล้วนำต้นไปแขวนไว้กับราวตาก จนแห้ง
ในห้องที่มืด อุณหภูมิและความชื้นต่ำ มีการดูดความชื้นออกอย่างเหมาะสม
ซึ่งการตากนี้จะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน เพื่อให้ช่อดอกแห้งสนิท ก่อนทำการตัดทริมใบออก
.
ข้อดีของการทริมแห้ง
- เหนียวเหนอะน้อยกว่าทริมสด
- ทำงานง่าย ตัดแล้วตากให้แห้ง หลังดอกแห้งก็มีเวลาทริมกันไปชิลๆไม่รีบไม่เร่ง ใช้คนไม่เยอะซึ่งทำให้การทำงานมีความยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับผู้ปลูกขนาดย่อม
- ใช้เวลาตากที่ช้ากว่า ดอกจะค่อยๆแห้งทำให้เก็บรักษาเทอร์ปีน Terpene ได้ดี และสาระสำคัญไม่เกิดการ Degrade
-
.
ข้อเสียของการทริมแห้ง
- ทริมได้ยากกว่าการทริมสด เนื่องจากใบที่เหลือจะลู่เข้าหาและรัดช่อดอก ซึ่งการทริมจะต้องคอยระวังช่อดอกและไตรโคมแตกหรือหลุดร่วงได้ง่ายระหว่างการทริม
-มีโอกาสติดเชื้อราสูงกว่า หากไม่ลิด Fan Leaf ออกก่อน
-ใช้พื้นที่ตากเยอะกว่า
ซึ่งการจะเลือกว่าเราจะใช้ Wet Trim หรือ Dry Trim นั้น
ควรตัดสินใจจากปัจจัยแวดล้อม เช่น สภาพห้องตาก พื้นที่ในการตากหรือทริม ปริมาณแรงงานที่สัมพันธ์กับแผนการปลูก เป็นหลัก
ซึ่งอาจไม่มีคำว่าดีที่สุด แต่อาจเป็นว่าเหมาะสมกับสภาพของเรามากที่สุด
โดยจุดที่คำนึงถึง คือ ความสะดวก คุณภาพ และ การจัดการจุดเสี่ยงเป็นสำคัญ
ซึ่งหลายคนอาจเลือกแบบผสม โดยนำจุดเด่นของทั้ง 2 รูปแบบมาใช้งาน เช่น การตัด Fan Leaf ออกก่อนแล้วทริมหยาบ แขวนตากแห้งให้เรียบร้อย แล้วค่อยมาทริมเก็บ ก็เป็นวิธีการที่ดีเช่นกัน
.อุปกรณ์ในการทริม
- ถาดทริม
- กรรไกรทริม
- ถุงมือ
- ชั้นตากดอก
หรือถ้าไม่อยากเสียเวลา...นั่งทริมทั้งวันให้ปวดหลัง เรามีตัวช่วย!!
Trimmer bowl 16 นิ้ว มาครบชุดพร้อมใบมีด
ลดเวลาในการทริมดอกลงไปเยอะ
จากเดิม 1 ต้นใช้เวลาในการทริม 1-2 ชั่วโมง
Trimmer Bowl ใช้เวลาทริมเพียง 5-10 นาทีเท่านั้นได้ลองแล้ว คุณจะไม่อยากกลับไปนั่งตัดทริมเอง...อีกต่อไป!!
เครื่องทริมไฟฟ้า และ เครื่องทริมแบบอุตสาหกรรมเราก็มีนะ
สนใจอุปกรณ์การปลูก ทักหาเราได้เลย
Line: @growshop (มี@ด้วยนะ)
Phone: 0827282228