รู้ไว้ไม่ตกเทรนด์ : รู้หมือไร่ EP1. ตอน 6 วิธีปลูกไฮโดรโปนิกส์ไร้สารพิษ

โดยกรรมวิธีการที่จะกล่าวทั้งหมดเป็นการแนะนำวิธีการปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์อย่างคร่าวๆ ซึ่งในตอนต่อๆไปเราจะมาลงรายละเอียดกันในแต่ละวิธีการนะคะ

!!**ฝากกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ**!! ยังไงก็ฝากไว้ในอ้อมใจผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านด้วยนะคะ เรายินดีเป็นแหล่งการแลกเปลี่ยนความรู้กันค่ะ

ติดตามเราได้ที่: 
Website: www.growshopthailand.com
FB: https://web.facebook.com/414774225711830
Line: @growshop

CR. www.homehydrosystems.com/hydroponic-systems/systems.html

วิธีที่1. การปลูกระบบน้ำหยด (Drip Irrigation)

โดยในระบบจะมีถังน้ำผสมสารอาหารอยู่ด้านล่าง แล้วใช้ปั๊มสูบน้ำขึ้นไปหยดใส่โคนต้นไม้แต่ละต้นตามความต้องการที่เหมาะสมของพืชแต่ละชนิด โดยจะมีการระบายน้ำออกจากรางปลูกเสมอ




วิธีที่2. การปลูกระบบ Ebb & Flow (Flood and Drain)

ระบบนี้จะเป็นการใช้ปั๊มดูดน้ำสารอาหารขึ้นมาขังในกระบะปลูกจนเกือบเต็มและปล่อยน้ำออกจนหมดและกระทำซ้ำไปแบบนี้เรื่อยๆ ซึ่งจะช่วยให้ส่วนรากของพืชสามารถดูดสารอาหารเมื่อขังน้ำไว้สลับกับการสัมผัสออกซิเจนเมื่อน้ำถูกระบายออก



วิธีที่3. การปลูกระบบ NFT (Nutrient Film Technique)

NFT เป็นระบบที่เรามักจะเห็นบ่อยที่สุดเวลาพูดถึงการเพาะปลูกแบบไฮโดรโปนิกส์ ซึ่งปั๊มน้ำจะสูบน้ำสารอาหารจากถังพักขึ้นมาปล่อยด้านต้นของรางเพาะปลูกที่ทำองศาเล็กน้อยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้น้ำไหลเป็นชั้นบางๆไปยังส่วนปลายของรางเพาะปลูก โดยวิธีนี้จะทำให้ส่วนรากของพืชสามารถดูดสารอาหารได้อย่างสม่ำเสมอ



วิธีที่4. การปลูกระบบน้ำลึก (Deep Water Culture)

Deep Water Culture เป็นระบบที่เป็นที่นิยมสำหรับการปลูกพืชที่มีรากค่อนข้างยาว โดยจะมีการเตรียมพาชนะที่มีความลึกประมาณ 8 นิ้วหรือ 20 ซม. และบรรจุน้ำที่มีสารอาหารไว้ โดยส่วนรากจะแช่อยู่ในน้ำตลอดเวลา ส่วนการให้ออกซิเจนกับส่วนรากนั้นจะเป็นหน้าที่ของปั๊มอากาศซึ่งดึงมาจากภายนอก



วิธีที่5. การปลูกระบบรากอากาศ (Aeroponics)

ระบบ Aeroponics นั้นเป็นระบบที่พืชสามารถดูดสารอาหารได้ดีที่สุดแต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายสูง การจ่ายสารอาหารให้แก่พืชจะต้องใช้ปั๊มเพื่อฉีดพ่นละอองสารอาหารขนาดเล็กไปที่ส่วนรากโดยตรงตามระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งรากของพืชจะสามารถดูดซึมสารอาหารได้ในทันที โดยขนาดของละอองน้ำที่ฉีดพ่น จะมีความสัมพันธ์ต่อความเร็วในการดูดซึมสารอาหาร ยิ่งละอองเล็กยิ่งดูดซึมได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยวิธี Aeroponics นั้นตัวพืชเองจะได้รับทั้งปริมาณอาหารและออกซิเจนที่มากกว่าวิธีอื่นๆ จึงทำให้พืชที่ปลูกนั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่าวิธีทั่วไป



วิธีที่6. การปลูกระบบ Wicks หรือ Kratky

ระบบ Wicks หรือ Kratky เป็นระบบที่ประหยัดที่สุดเมื่อเทียบกับกรรมวิธีทั้ง 5 วิธีที่กล่าวมาเบื้องต้นทั้งหมด เนื่องจากเป็นระบบที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และไม่ต้องเปลี่ยนสารอาหาร โดยวิธีนี้จะทำการเติมน้ำสารอาหารใส่ภาชนะปลูก และทิ้งไว้จนจบวงจรชิวิตของพืชที่เพาะปลูกเลย ซึ่งน้ำในภาชนะจะค่อยๆระเหยไปเรื่อยๆในขณะที่รากก็จะยาวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้มีรากบางส่วนแช่อยู่ในน้ำเพื่อดูดซึมสารอาหาร และรากอีกบางส่วนอยู่เหนือน้ำดูดซึมออกซิเจน

ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นการแนะนำวิธีการปลูกพืชด้วยระบบไฮโดรโปนิกส์อย่างคร่าวๆ ซึ่งในตอนต่อๆไปเราจะมาลงรายละเอียดกันในแต่ละวิธีการ 

ฝากกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ หากมีคำถามเพิ่มเติมก็สามารถติดต่อเราได้ตลอดเลยค่ะ