การเลี้ยงต้นไม้ พืช หรือคนนั้น ไม่ได้แตกต่างกันเลย หากต้องการพืชที่ให้ผลผลิตที่ดี ก็เหมือนกับการเลี้ยงคนให้สมบูรณ์แข็งแรงฉันใดก็ฉันนั้น เราก็สามารถที่จะมองกลับกันได้เหมือนกันว่า นำวิธีการเลี้ยงคนมาใช้กับต้นไม้หรือพืช หากเป็นวิธีการที่ดี ต้นไม้หรือพืชนั้นก็จะแข็งแรงและให้ผลผลิตที่ดีที่สุดเสมอ หากจะนำวิธีการเลี้ยงมาเปรียบเทียบกันคงทำได้ดังนี้
หากพ่อแม่พันธุ์ที่นำมาปลูกเป็นพันธุ์ที่ดี ลูกที่เกิดมาก็ย่อมจะมียีนส์ที่แข็งแรงดุจเดียวกัน
การผสมข้ามสายพันธุ์สามารถทำได้ เพื่อให้เกิดจุดเด่นต่างๆตามที่ต้องการจากพ่อแม่พันธุ์ที่คัดเลือกมาเพื่อผสม
การออกกำลังกายของต้นไม้ คือการได้ขยับกิ่งใบ ซึ่งจะทำให้ กิ่ง ก้าน ขั้วดอก ขั้วใบแข็งแรงขึ้น เกิดการเผาผลาญและได้ใช้พลังงาน ทว่าลมที่แรงเกินไปก็สามารถทำให้ปากใบปิดได้ซึ่งเป็นระบบป้องกันตามธรรมชาติทำให้พืชนั้นๆแคระแกรนหรือเกิดการเสียดสีทำให้ใบเสีบหายได้ ลมระดับที่พอดีจะทำให้กิ่งก้านขยับไหวเบาๆ เทียบได้กับการเดินหรือวิ่งจ๊อกกิ้ง
ร่างกายต้องได้รับอาหารตามที่จำเป็น โดยพืชจะใช้ธาตุอาหารหลัก อันได้แก่ N-P-K คือ ไนโตรเจ-ฟอสฟอรัส-โพแทสเซียม ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี เปรียบเสมือนคนทั่วไปที่ได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ แต่ละช่วงเวลาของการปลูก พืชจะมีการใช้พลังงานแตกต่างกันทำให้อัตราส่วนการดูดซึม NPK ไม่เท่ากัน ปุ๋ยต่างๆจึงต้องมีสูตรเพื่อเพิ่มกำลังให้พืชในแต่ละช่วงของการเติบโต เช่น ช่วงต้นอ่อน ต้องสร้างกิ่ง ก้านและใบ พืชจะต้องการ N มากกว่าปรกติ หรือช่วงออกดอก ต้องเพิ่ม P เพื่อเป็นการเสริมสร้าง เป็นต้น
นอกจากธาตุอาหารหลักแล้ว พืชยังต้องการธาตุอาหารรองอีกด้วย อาทิ แคลเซียม แมงกานีส ซิงค์ โบรอน คอปเปอร์ ไอรอนเพื่อช่วยในการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ การขาดสารอาหารต่างๆทำให้พืชเกิดโรค หรือมีภูมิต้านทานที่ด้อยลง หรือทำลายกลิ่นหรือรสชาติของผลผลิต (โปรดติดตามเพจ สำหรับข้อมูลเชิงลึกในเรื่องสารอาหาร)
ค่า PH หรือความเป็นกรด/ด่างของน้ำที่ใช้รดต้นไม้ เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เปรียบเทียบว่าคนเราเวลาทานข้าวถ้าตักข้าวสูงไปก็โดนจมูก ต่ำไปก็ถูกคางไม่เข้าปากเสียที ฉะนั้นค่า PH ที่ถูกต้องคือระดับที่พอดีกับปากนั่นเอง ซึ่งถึงแม้ว่าสารอาหารจะดีเลิศครบถ้วนเพียงใด ถ้าตักไม่เข้าปากก็ทานไม่ได้ทำให้พืชไม่สามารถดูดซึม ทั้งนี้ค่า PH มักจะเป็นปัญหายอดฮิตและเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขาสำหรับมือปลูกมือใหม่เพราะไม่ได้ใส่ใจกับการปรับค่า PH ให้ถูกต้องเท่าที่ควร
อากาศแวดล้อมระหว่างการปลูกพืชมีผลต่อการเติบโตด้วยเช่นกัน โดย CO2 หรือ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สำหรับพืชนั้นเปรียบเทียบได้กับการที่มนุษย์เราหายใจเอาออกซิเจนเข้าปอด สภาพแวกล้อมที่ดี มีอากาศไหลเวียน และมีปริมาณ CO2 สูงพอเหมาะ จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตได้อีกทางหนึ่ง
แสงสว่างเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราพูดถึง ทว่ามีความสำคัญลำดับต้นๆเลยทีเดียว ทราบกันไหมว่า ในแสงแดดประกอบด้วยรังสีในช่วงต่างๆ เช่น แสงสีขาวที่ตามองเห็น รังสีอินฟราเรด รังสีอัลตราไวโอเล็ต เป็นต้น แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่า การสังเคราะห์แสงในพืชส่วนใหญ่เกิดจากการกระตุ้นของแสงสว่างเพียง “บางช่วงความยาวคลื่น” ทั้งที่ดวงตามนุษย์มองเห็นและมองไม่เห็น แต่ละสีของแสงมีผลกระทบต่อพืชที่แตกต่างกัน เช่น แสงสีฟ้ามีผลต่อการเสริมสร้างใบ สีแดงเสริมสร้างดอก สีเขียวเสริมสร้างราก อัลตร้าไวโอเลตช่วยฆ่าเชื้อรา เป็นต้น
ปัจจัยที่สำคัญเรื่องแสงคือ สเปคตรัม(สีตามความยาวคลื่น) ความสว่าง ระยะเวลาที่ให้แสง ระยะห่าง และความร้อน เหล่านี้มีผลเป็นอย่างยิ่งต่อการสังเคราะห์แสง และการสั่งให้พืชทำในสิ่งที่เราต้องการ (เคล็ดลับเด็ดที่จะมาเปิดเผยในตอนต่อๆไป โปรดติดตามในเพจ)
ถึงแม้ 5 ข้อด้านบนจะทำอย่างถูกต้องสมบูรณ์ แต่หากว่าการควบคุมแสงไม่ถูกต้อง ผลผลิตที่ได้ก็ไม่สามารถไปถึงจุด Yield ได้ ดังนั้นการจะสร้างผลผลิตให้ได้ Yield หรือมากกว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควมคุมปัจจัยเรื่องแสงสว่างให้เป็นอย่างดี
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคนหรือพืช สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรัก วินัยการดูแล และความเอาใจใส่ แอดมินเชื่อว่า 3 สิ่งนี้เป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งยวด ทำให้เราสังเกตุเห็นความเป็นไปตลอดการเลี้ยงดู แก้ไขปัญหาต่างๆได้อย่างฉับไว และสร้างผลผลิตให้ Yield ได้สูงสุดตามยีนส์ที่ได้มา