ตัวอย่างข้อแตกต่างระหว่างการเซ็ตเต้นท์แบบ Passive intake และ Active intake
Passive Intake คือ การนำอากาศเข้าแบบไม่ใช้พลังงาน โดยการใช้พัดลมดูดอากาศออก แล้วให้อากาศเข้าตามช่องโดยไม่ใช้อุปกรณ์ใดๆ จึงทำให้อากาศออกมากกว่าอากาศเข้า แรงดันในเต้นท์จึงเป็นแรงดันลบ (เต้นท์แฟ่บ)
ข้อดีของการสร้างแรงดันบวกในเต็นท์ปลูก
ข้อควรระวังในการสร้างแรงดันบวก
ข้อดีของการสร้างแรงดันลบในเต็นท์ปลูก
1.การควบคุมกลิ่น: การสร้างแรงดันลบภายในเต็นท์ปลูก ช่วยให้มั่นใจได้ว่า กลิ่นที่เกิดจากพืชจะถูกระบายออกภายนอก แรงดันต่ำในเต็นท์ ช่วยดึงอากาศผ่านกรองคาร์บอนหรือระบบควบคุมกลิ่นอื่นๆ ช่วยลดกลิ่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2.การแลกเปลี่ยนอากาศ: แรงดันลบช่วยให้มีการแลกเปลี่ยนอากาศดีขึ้น ช่วยดึงอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก ผ่านช่องลมเข้า ช่วยให้พืชได้รับออกซิเจนอย่างต่อเนื่องและช่วยกำจัดอากาศที่อับชื้นอีกด้วย
ข้อควรระวังในการสร้างแรงดันลบ
1.มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นของการแทรกซึมของสิ่งปนเปื้อน: แรงดันลบอาจจะทำให้ไวต่อ แมลง ฝุ่น และเชื้อโรค หากมีการรั่วหรือมีช่องว่างใดๆ ในเต็นท์ อากาศภายนอกสามารถถูกดึงเข้ามาและอาจมีสิ่งปนเปื้อนติดมาด้วยได้
2.ความผันผวนของอุณหภูมิ: แรงดันลบสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ หากมีการแลกเปลี่ยนอากาศที่ไม่เหมาะสม หากอากาศที่ไหลเข้ามาเย็นกว่าหรือร้อนกว่าอุณหภูมิที่ต้องการอย่างมาก อาจทำให้เกิดความผันผวนของอุหณภูมิส่งผลที่ความเจริญเติบโตของพืชได้
สรุป: สิ่งสำคัญคือต้องคอยสังเกตุว่า การเลือกระหว่างแรงดันบวกและแรงดันลบ ในเต็นท์ปลูกขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ รวมถึงความต้องการของพืชสภาพแวดล้อม และความชื้นที่เหมาะสมของพืชชนิดนั้นๆ ควรใช้ระบบระบายอากาศกรองอากาศ และระบบตรวจสอบให้เหมาะสม เพื่อรักษาสภาพการเจริญเติบโตและแก้ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้