ใช้ไฟปลูกต้นไม้ ต้องให้ปริมาณแสงในการปลูกเท่าไหร่ดี ?

ต้นไม้ก็ต้นเดียวกัน คนปลูกก็คนเดียวกัน ปลูกกันคนละมุม ทำไมโตไม่เท่ากัน

" เห็นที่ร้านขายต้นไม้ออกดอกดี๊ดี " พอเอากลับมาบ้าน ไม่เห็นออกดอกเลย

เพาะต้นอ่อนเท่าไหร่ก็ไม่เคยรอด เฉาตายตลอด

ปัญหาเหล่านี้หลายคนเคยพบเจอ

ปัจจัยหนึ่งที่มีผลอย่างมากต่อการเติบโตของต้นไม้ คือ ปริมาณแสงในการปลูก ปริมาณชั่วโมงการได้รับแสงและความแรงของแสงปริมาณแสงในการปลูกต้นไม้แต่ละชนิดมีความต้องการ
ไม่เท่ากัน เช่น ไม้ดอก ไม้ใบ เป็นต้นสำหรับบทความนี้จะยกตัวอย่างเพื่อคนที่สนใจการปลูกพืชสมุนไพรสายดอกในร่มโดยเฉพาะโดยปริมาณแสงในการปลูกจะดูที่ค่าสีของแสงและความเข้มของแสงที่ใช้ในการปลูกต้นไม้เป็นหลัก ปริมาณแสงในการปลูกขึ้นอยู่กับระยะการเจริญเติบโตของชนิดของพืชนั้นๆและประเภทของระบบแสงที่ใช้ ซึ่งจะใช้หลักการของปริมาณแสงที่ควรได้รับต่อวัน (Day Light Integral หรือ DLI) เป็นแนวทางหลัก (จะมาอธิบายกันในรายละเอียดลงลึกถึงเหตุผลที่มาของปริมาณแสงที่ให้ในบทความหน้า)  ส่วนแนวทางทั่วไปสำหรับการให้
แสงด้วยไฟปลูกในการปลูกพืชสมุนไพรสายดอกในร่มอย่างคร่าวๆเพื่อเป็นแนวทางมีดังนี้

ระยะการงอกและต้นกล้า :
ในช่วงระยะการงอกและระยะต้นกล้า พืชสมุนไพรสายดอกต้องการความเข้มของแสงที่ไม่สูงมากเพื่อป้องกันความเครียดจากความร้อนและการยืดตัวกรณีแสงไม่พอ โดยทั่วไปจะใช้ความเข้มของแสงประมาณ 150-300 ไมโครโมลต่อตารางเมตรต่อวินาที (μmol/m²/s) และมีระยะเวลาการให้แสงประมาณ 14-20 ชั่วโมง (สำหรับกลุ่ม Photoperiod) และ 18-24 ชั่วโมงสำหรับกลุ่ม Auto-Flower

ระยะทำใบ :
ในขั้นตอนการเจริญเติบโต ต้นกัญชาต้องการความเข้มของแสงที่สูงขึ้นเพื่อกระตุ้นการเติบโตอย่างแข็งแรงและใบที่สมบูรณ์ ความเข้มของแสงที่แนะนำมีตั้งแต่ 250 ถึง 600 (μmol/m²/s) และมีระยะเวลาการให้แสงประมาณ 14-20 ชั่วโมง และ 18-24 ชั่วโมงสำหรับกลุ่ม Auto-Flower

ระยะออกดอก :
ในช่วงระยะออกดอก ต้นกัญชาต้องการความเข้มของแสงที่สูงกว่าเพื่อรองรับการพัฒนาของตาและเพิ่มผลผลิตสูงสุด ความเข้มของแสงที่แนะนำมีตั้งแต่ 500 ถึง 1800 (μmol/m²/s) และมีระยะเวลาการให้แสงประมาณ 12 ชั่วโมง และ 18-24 ชั่วโมงสำหรับกลุ่ม Auto-Flower ซึ่งหากปริมาณแสงที่ให้เกินกว่า 1800 (μmol/m²/s) อาจทำให้เกิดผลเชิงลบได้

ตัวเลขที่กล่าวมาด้านบนนั้นเป็นเพียงแนวทางอย่างหยาบ สามารถปรับให้เหมาะสมตามหน้างานได้ ซึ่งปริมาณแสงในการปลูกที่ให้นั้นแต่อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและเป้าหมายของผู้ปลูก และความเข้มของแสงที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น สายพันธุ์เฉพาะของกัญชา สภาพแวดล้อมรวมไปถึงการใช้ CO2 ให้สัมพันธ์กับการให้แสงและเป้าหมายเฉพาะของผู้ปลูก นอกจากนี้ ควรปรับระยะห่างระหว่างแหล่งกำเนิดแสงกับต้นไม้เพื่อรักษาความเข้ม รวมถึงความสม่ำเสมอของแสงและป้องกันความเสียหายที่อาจจากความร้อนของไฟปลูก (หลักการและเหตุผลจะอธิบายในบทความถัดไปในเรื่อง ) การตรวจสอบความเข้มของแสงเป็นประจำโดยใช้เครื่องวัดแสงสามารถช่วยให้แน่ใจว่าพืชได้รับแสงในปริมาณที่เหมาะสมตลอดระยะการเจริญเติบโต ( ติดตามเรื่องเกี่ยวกับเครื่องวัดแสงราคาถูกได้ในบทความต่อไปของปริมาณแสงในการปลูกที่ควรได้รับต่อวัน (Day Light Integral หรือ DLI) )